9 replies to this topic

[patt]

ในปี 2554 ยังไม่ได้กำหนดโครงการสิ่งแวดล้อมเลย แต่พอถาม QMR ก้ได้ขอบเขตมาว่า
ทำอะไรก็ได้ที่ไม่ต้องใช้งบประมาณเยอะ เพราะถ้างบเยอะโครงการคงไม่ได้รับการอนุมัติ
เลยมานั่งคิดปวดหัวตุ๊บๆเลย ไม่รุ้จะทำอะไรดี แถมยังต้องมีผลระยะยาวด้วย
เป็นการบ้านที่สาหัสเหมือนกัน ทำเอาปวดหัวไปหลายวันเลย ใครพอจะมีโครงการด้านสิ่งแวดล้อมแหล่มๆบ้าง
หากดี จนนายต้องอนุมัติงบประมาณได้ยิ่งดีเลย หรือหากลงทุนไม่เยอะ ก็ช่วยแนะนำเข้ามาด้วย
จะเป้นพระคุณอย่างสูง เพราะตอนนี้คิดไม่ออก นอกจากโครงการคัดแยกขยะ อย่างเดียวที่ไม่ต้องลงทุนมาก
แต่มันเหมือนเราไม้สร้างสรรค์เลยอ่ะ

[จอมโจรจอมใจ]

ขอแชร์เหมือนกับที่เคยแชร์ไว้ในกระทู้ในหัวข้อเดียวกันนี้อีกสักครั้งก็แล้วกันนะครั
บ
ก่อนที่จะไปค้นหาว่า จะทำโครงการอะไร นั้น ขอให้กลับไปดูผลจากการชี้บ่ง และประเมิน
aspect เลือกดูว่า ตัวไหนที่มีระดับนัยสำคัญสูงๆ ส่วนจะเอาสูงแค่ไหนก็กำหนดเอาตามใจชอบนะครับ
บางองค์กร กำหนด ระดับของ aspect ไว้ 5 ระดับ (ต่ำมาก/ต่ำ/ปานกลาง/สูง/สูงมาก) แต่ aspect ที่อยู่ในข่าย
จะนำมากำหนดเป็นโครงการจะเลือกจากระดับสูง หรือ สูงมาก หรือถ้ามันไม่มี ระดับสูง หรือสูงมากอยู่เลย
ก็จะพิจารณาจาก aspect ที่เราให้ความสนใจ หรือ ผู้บริหารสั่งมาเลย หรือ เอาตามที่กฎหมายกำหนด อย่างนี้เป็นต้น


ตัวอย่างเช่น

กระบวนการขนส่ง เป็นกระบวนการหลักของสาขาที่ขอการรับรอง 14001 ซึ่งน้ำมัน เป็นอะไรที่
ถูกใช้ในแต่ละเดือน ในปริมาณ 'มหาศาล' เมื่อประเมินตามเกณฑ์แล้วมันก็พบว่ามันเป็น aspect ที่มีนัยสำคัญสูงสุด
ซึ่งก็ตรงกับใจของผู้บริหาร (มันแน่ยิ่งกว่าแช่แป้งอีกครับ) การควบคุมการใช้น้ำมันของรถบรรทุก จึงเป็นโครงการแรกๆ
ที่นำมาใช้เมื่อขอการรับรองระบบ ISO 14001

concept ของเรื่องนี้ก็คือ
1) แบ่งรถออกเป็นกลุ่มๆ โดยพิจารณาจาก ประเภทของรถ (6 ล้อ,10 ล้อฯลฯ, แรงม้า, ลักษณะงานที่บรรทุก ,อายุการใช้งาน,พื้นที่ที่วิ่งงาน (กรุงเทพ/ต่างจังหวัด))ฯลฯ
2) ทำทะเบียนออกมาว่ามีกี่ Route ที่ต้องวิ่งให้บริการกับลูกค้า แต่ละ Route ใช้รถคันใด
3) เลือกรถที่เป็นตัวแทนของแต่ละ route/กลุ่ม สำหรับทดสอบ อัตราสิ้นเปลือง
4) ทดสอบอัตราสิ้นเปลืองโดยให้ หัวหน้างาน ประกบไปกับพนักงานขับรถ เพื่อควบคุมพฤติกรรมการขับขี่/การเติมน้ำมัน
5) นำค่าที่ได้มากำหนดเป็น fuel consumption rate สำหรับรถแต่ละคัน/กลุ่ม
6) กำหนดแนวทางในการควบคุมการเติมน้ำมัน และการวัด consumption rate ในแต่ละเที่ยว อย่างรัดกุม
7) กำหนดค่าตอบแทนให้กับพนักงานขับรถที่ทำได้ตามเป้าหมาย รวมถึง ผู้ควบคุม ในระดับที่เป็นธรรมกับทุกฝ่าย (สำหรับพนักงานที่ทำไม่ได้เป้าหมายก็ต้องกำหนดมาตรการ
ผลักดันด้วยเหมือนกันนะครับ)
8) ชี้แจงทำความเข้าใจให้กับพนักงานที่เกี่ยวข้อง
9) นำไปปฏิบัติ และประเมินผลเป็นรายเที่ยว/รายคัน
10) จ่ายผลตอบแทนพร้อมกับเงินเดือน

จากเดิมที่เคยได้ 3.5-3.9 หกปีผ่านไป แต่ละคันทำ rate ได้ในระดับ 4.5-5.2 Km/L save ได้หลักล้านบาทต่อเดือน
(การประเมินความสำเร็จเนี่ย ถ้าไม่คิดเป็น Fuel consumption rate จะคิดย้อนกลับไปเป็น อัตราการปลดปล่อย CO2 ก็ทำได้เหมือนกันนะครับ)

สำหรับโครงการที่มีการลงทุน รถบรรทุกใหม่ๆ ที่ซื้อมาก็จะเป็นแบบใช้ NGV
และก็มีการดัดแปลงรถน้ำมันเป็นรถที่ใช้เชื้อเพลิง 2 ระบบ เป็นต้น ซึ่งก็ต้องเขียนแผนงานออกมา
และก็นำไปปฏิบัติ และประเมินผล

บลา บลา บลา

[Suppadej]

ขอแชร์เหมือนกับที่เคยแชร์ไว้ในกระทู้ในหัวข้อเดียวกันนี้อีกสักครั้งก็แล้วกันนะครั
บ
ก่อนที่จะไปค้นหาว่า จะทำโครงการอะไร นั้น ขอให้กลับไปดูผลจากการชี้บ่ง และประเมิน
aspect เลือกดูว่า ตัวไหนที่มีระดับนัยสำคัญสูงๆ ส่วนจะเอาสูงแค่ไหนก็กำหนดเอาตามใจชอบนะครับ
บางองค์กร กำหนด ระดับของ aspect ไว้ 5 ระดับ (ต่ำมาก/ต่ำ/ปานกลาง/สูง/สูงมาก) แต่ aspect ที่อยู่ในข่าย
จะนำมากำหนดเป็นโครงการจะเลือกจากระดับสูง หรือ สูงมาก หรือถ้ามันไม่มี ระดับสูง หรือสูงมากอยู่เลย
ก็จะพิจารณาจาก aspect ที่เราให้ความสนใจ หรือ ผู้บริหารสั่งมาเลย หรือ เอาตามที่กฎหมายกำหนด อย่างนี้เป็นต้น


ตัวอย่างเช่น

กระบวนการขนส่ง เป็นกระบวนการหลักของสาขาที่ขอการรับรอง 14001 ซึ่งน้ำมัน เป็นอะไรที่
ถูกใช้ในแต่ละเดือน ในปริมาณ 'มหาศาล' เมื่อประเมินตามเกณฑ์แล้วมันก็พบว่ามันเป็น aspect ที่มีนัยสำคัญสูงสุด
ซึ่งก็ตรงกับใจของผู้บริหาร (มันแน่ยิ่งกว่าแช่แป้งอีกครับ) การควบคุมการใช้น้ำมันของรถบรรทุก จึงเป็นโครงการแรกๆ
ที่นำมาใช้เมื่อขอการรับรองระบบ ISO 14001

concept ของเรื่องนี้ก็คือ
1) แบ่งรถออกเป็นกลุ่มๆ โดยพิจารณาจาก ประเภทของรถ (6 ล้อ,10 ล้อฯลฯ, แรงม้า, ลักษณะงานที่บรรทุก ,อายุการใช้งาน,พื้นที่ที่วิ่งงาน (กรุงเทพ/ต่างจังหวัด))ฯลฯ
2) ทำทะเบียนออกมาว่ามีกี่ Route ที่ต้องวิ่งให้บริการกับลูกค้า แต่ละ Route ใช้รถคันใด
3) เลือกรถที่เป็นตัวแทนของแต่ละ route/กลุ่ม สำหรับทดสอบ อัตราสิ้นเปลือง
4) ทดสอบอัตราสิ้นเปลืองโดยให้ หัวหน้างาน ประกบไปกับพนักงานขับรถ เพื่อควบคุมพฤติกรรมการขับขี่/การเติมน้ำมัน
5) นำค่าที่ได้มากำหนดเป็น fuel consumption rate สำหรับรถแต่ละคัน/กลุ่ม
6) กำหนดแนวทางในการควบคุมการเติมน้ำมัน และการวัด consumption rate ในแต่ละเที่ยว อย่างรัดกุม
7) กำหนดค่าตอบแทนให้กับพนักงานขับรถที่ทำได้ตามเป้าหมาย รวมถึง ผู้ควบคุม ในระดับที่เป็นธรรมกับทุกฝ่าย (สำหรับพนักงานที่ทำไม่ได้เป้าหมายก็ต้องกำหนดมาตรการ
ผลักดันด้วยเหมือนกันนะครับ)
8) ชี้แจงทำความเข้าใจให้กับพนักงานที่เกี่ยวข้อง
9) นำไปปฏิบัติ และประเมินผลเป็นรายเที่ยว/รายคัน
10) จ่ายผลตอบแทนพร้อมกับเงินเดือน

จากเดิมที่เคยได้ 3.5-3.9 หกปีผ่านไป แต่ละคันทำ rate ได้ในระดับ 4.5-5.2 Km/L save ได้หลักล้านบาทต่อเดือน
(การประเมินความสำเร็จเนี่ย ถ้าไม่คิดเป็น Fuel consumption rate จะคิดย้อนกลับไปเป็น อัตราการปลดปล่อย CO2 ก็ทำได้เหมือนกันนะครับ)

สำหรับโครงการที่มีการลงทุน รถบรรทุกใหม่ๆ ที่ซื้อมาก็จะเป็นแบบใช้ NGV
และก็มีการดัดแปลงรถน้ำมันเป็นรถที่ใช้เชื้อเพลิง 2 ระบบ เป็นต้น ซึ่งก็ต้องเขียนแผนงานออกมา
และก็นำไปปฏิบัติ และประเมินผล

บลา บลา บลา

ลึกซึ้ง (^.^)

[Food Safety]

ลึกซึ้ง (^.^)

เหมือนโฆษณา น้ำอัญชัน+มัลเบอรี่ ของเสี่ยตันเลย...

[patt]

แต่คะแนนการประเมิน Aspect ที่สูงที่สุด กับเป็นกระบวนการของการอบเม็ดพลาสติก เกี่ยวกับไอระเหยที่ออกมามีผลกระทบต่ออากาศ
จะทำโครงการสิ่งแวดล้อมเน้นไปในเรื่องไหนดีคะ และผู้บริหารก็ไม่ได้มอบเป้าหมายอะไรมาด้วย

[patt]

และผลการตรวจวัดสิ่งแวดล้อม ก็ยังอยู่ในเกณฑ์ที่กฏหมายกำหนดอีก ถ้างั้นคงต้องพิจารณาจากระดับต่อไป หรือไม่ก็จากแนวทางผู้บริหารใช่ไหมคะ

[จอมโจรจอมใจ]

และผลการตรวจวัดสิ่งแวดล้อม ก็ยังอยู่ในเกณฑ์ที่กฏหมายกำหนดอีก ถ้างั้นคงต้องพิจารณาจากระดับต่อไป หรือไม่ก็จากแนวทางผู้บริหารใช่ไหมคะ

ขอโทษจริงๆ ที่จอมโจรฯ คงไม่สามารถให้คำแนะนำที่ชี้ชัดลงไปได้ว่า จขกท. ควรจะทำโครงการอะไร
นอกจากสิ่งที่อธิบาย ยกตัวอย่างให้เห็นภาพ เพราะไม่ทราบรายละเอียดกระบวนการทำงานในบริษัท
ไม่ทราบว่ามี aspects อะไรบ้าง อะไรคือ aspect ตัวหลักๆ aspect แต่ละเรื่องมีนัยสำคัญระดับใด
มันเกี่ยวข้องกับกฎหมายในเรื่องใดบ้าง นอกจากนั้นก็ไม่ทราบความต้องการของคนที่เกี่ยวข้องในองค์กร
ของ จขกท. อีกต่างหาก

ส่วนเรื่องผลการตรวจวัดสิ่งแวดล้อม แม้จะอยู่ในเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด แต่ถ้าเราสนใจ
ก็นำมาทำเป็นโครงการได้เหมือนกัน ถ้าหากเราต้องการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง เช่น

องค์กร A ประเด็นเกี่ยวกับน้ำทิ้ง เป็น aspect หลักของกระบวนการทำงาน (นอกจากตัวนี้แล้ว ไม่มีตัวอื่นที่มีนัยสำคัญสูง
/ไม่น่าสนใจ) แม้ผลการตรวจวัดมันจะผ่าน แต่ถ้า มันได้ค่าปริ่มๆ มีแนวโน้มที่จะเกินมาตรฐาน และ 'ผู้ที่เกี่ยวข้อง' เห็นด้วย
ก็เป็นไปได้ ที่จะนำหัวข้อที่ว่านั่น มาทำเป็นโครงการได้เหมือนกันนะครับ

จอมโจรฯ เสนอให้ จขกท. ลองร่าง หลักเกณฑ์ในการพิจารณากำหนดโครงการ ไปเสนอกับ ผู้ที่มีอำนาจ
ก่อนดีกว่ามั้ย ถ้าหลักเกณฑ์มันชัด รับรองว่า การทำโครงการ มันเป็นเรื่องจิ๊บๆ ครับ

[iso_man]

ลองมองโครงการด้านการลดใช้พลังงานดูครับ เพราะโรงงานพลาสติกใช้พลังงานไฟฟ้าค่อนข้างสูง Project นี้ทำแล้วลดต้นทุนเห็นๆครับ ลองพิจารณาดู ในส่วน aspect ที่ประเมินมาลองดูผลกระทบกับผู้ปฏิบัติงานดูครับว่ารู้สึกอย่างไรเช่น มีอาการเหม็นอย่างต่อเนื่องแม็ค่าการตรวจจะผ่าน ก็ทำโครงการระบบดูดให้ดีขึ้นกว่าเดิมหรือกั้นโซนการทำงานเพื่อไม่ให้กระทบคนทีีไม่ได
้ทำงานเกี่ยวข้อง มันเป็นผลกระทบทางอ้อมนะครับที่ควรนำมาพิจารณาทำโครงการ แต่อย่างที่จอมโจรบอกควรมีหลักเกณฑ์ในการทำโครงการให้ชัดเจน โชคดีครับ

[patt]

ขอบคุณค่ะ สำหรับคำแนะนำที่ดีมากๆ จะลองทบทวนดูค่ะ ว่าเหมาะสมกับะไรมากที่สุด
เพราะคงต้องให้ผู้ที่มีอำนาจร่วมตัดสินใจด้วย คิดเองปวดหัวตาย แต่จากที่แนะนำมาก็ได้แนวความคิดแล้วค่ะ จะลองร่างเป็นโครงการ
และนำเสนอดู ผลเป็นอย่างไร จะมาแชร์ให้ทราบกันค่ะ

[iso_man]

ยินดีด้วยครับ ติดขัดประการใดก็ลอง add มาคุยกัยได้ครับที่ M

ขอบคุณค่ะ สำหรับคำแนะนำที่ดีมากๆ จะลองทบทวนดูค่ะ ว่าเหมาะสมกับะไรมากที่สุด
เพราะคงต้องให้ผู้ที่มีอำนาจร่วมตัดสินใจด้วย คิดเองปวดหัวตาย แต่จากที่แนะนำมาก็ได้แนวความคิดแล้วค่ะ จะลองร่างเป็นโครงการ
และนำเสนอดู ผลเป็นอย่างไร จะมาแชร์ให้ทราบกันค่ะ