มีคำถามจากการตรวจประเมินหน่วยงานฝึกอบรมมาถามท่านผู้รู้ดังนี้ค่ะ
1. หากหน่วยงานฝึกอบรม ไม่มีการทำ Training Needs ของพนักงานในองค์กรเลย สามารถให้ CAR ได้ไม๊คะ มีแต่ JD ที่บอกคุณสมบัติเบื้องต้นของแต่ละตำแหน่งงาน แต่ไม่มีการทำ Training Needs ค่ะ
2. โดยปกติ้ว สามารถมีเอกสารอะไรที่สามารถใช้แทน Training Needs ได้ไม๊คะ หากไม่ได้ให้ CAR ในข้อแรก
ขอบคุณค่ะ
ท่านที่สมัครสมาชิกเข้ามาใหม่ กรุณารอให้ Admin ได้ทำการ Validate การเป็นสมาชิก ภายใน 24 ชม.ของวันทำการ ซึ่งระหว่างที่รอ Validation ท่านอาจจะยังไม่สามารถดาวน์โหลดข้อมูลต่างๆ ได้ หากไม่ได้รับความสะดวก กรุณาอีเมลแจ้ง isothainetwork@hotmail.com

CAR เรื่องไม่มี Training Needs
Started by
Q Mania
, Nov 26 2009 07:39 PM
6 replies to this topic
#1
Posted 26 November 2009 - 07:39 PM
#2
Posted 26 November 2009 - 08:05 PM
ถ้าตีความตามข้อกำหนดของ ISO9001 ข้อกำหนด 6.2.2 เค้าก็ไม่ได้ระบุว่าองค์กรต้องทำ Training need ครับ ยกเว้นเสียว่าองค์กรของคุณจะเขียน QP ขึ้นมาเองว่าองค์กรจะต้องทำ Training need ถ้าเป็นกรณีนี้
สามารถออก CAR ได้ครับว่าทำงานไม่สอดคล้องกับ QP
แต่ถ้าไม่ได้เขียนไว้ใน QP ขณะ Audit คุณอาจใช้วิธีการสัมภาษณ์ / สังเกตการทำงานของพนักงาน / ตรวจ Out put ของพนักงาน เทียบกับวิธีการทำงาน เพื่อประเมืนประสิทธิผลของการทำงานครับ เพราะ ISO9001 Version 2008 นี้เค้าจะไม่เน้นที่เอกสารที่หน่วยงานการฝึกอบรมมากนัก แต่จะเน้นและตรวจสอบที่ประสิทธิผลของการทำงานมากกว่าว่าได้ Support วัตถุประสงค์คุณภาพขององค์กรหรือไม่ครับ
เพราะมีหลายองค์กรที่เอกสารการฝึกอบรมเพียบ Training need และบันทึกการฝึกอบรมครบ แต่พนักงานทำงานไม่มีประสิทธิผลก็เท่านั้น เนื่องจากองค์กรในประเทศไทยส่วนใหญ่จะทำระบบแบบผักชีโรยหน้า คือพอจะ Audit ที ก็ทำหลักฐานขึ้นมาที
ซึ่งตอนผมทำ Internal audit ผมจะใช้วิธีการสัมภาษณ์ / สังเกตการทำงานของพนักงาน / ตรวจ Out put ของพนักงาน มากกว่าครับ เช่นบางทีแอบเอา Defect ไปปล่อยใน Line ปกติ แล้วสังเกตว่าพนักงานที่ทำหน้าที่ Inspection จะจับความผิดปกติได้หรือไม่, เรียกพนักงานที่ฝ่ายฝึกอบรมบันทึกว่าได้ทำการการฝึกอบรม และสอบ "ผ่าน" เรื่อง Golden nose มาสัมภาษณ์แล้วนำตัวอย่าง Defect เช่น Product ที่มีกลิ่นผิดปกติกับของดีรวมๆกัน แล้วให้ดมว่าสามารถจับความผิดปกติได้หรือไม่ จุดประสงค์ของผมคือต้องการพิสูจน์ว่าการฝึกอบรมครั้งนั้นๆ Ok หรือไม่ เป็นต้น และ Feed back จากการ Audit แบบนี้ค่อนข้างดีนะครับ คือพนักงานจะรู้สึกมีส่วนร่วมและตื่นตัวดีครับ
สามารถออก CAR ได้ครับว่าทำงานไม่สอดคล้องกับ QP
แต่ถ้าไม่ได้เขียนไว้ใน QP ขณะ Audit คุณอาจใช้วิธีการสัมภาษณ์ / สังเกตการทำงานของพนักงาน / ตรวจ Out put ของพนักงาน เทียบกับวิธีการทำงาน เพื่อประเมืนประสิทธิผลของการทำงานครับ เพราะ ISO9001 Version 2008 นี้เค้าจะไม่เน้นที่เอกสารที่หน่วยงานการฝึกอบรมมากนัก แต่จะเน้นและตรวจสอบที่ประสิทธิผลของการทำงานมากกว่าว่าได้ Support วัตถุประสงค์คุณภาพขององค์กรหรือไม่ครับ
เพราะมีหลายองค์กรที่เอกสารการฝึกอบรมเพียบ Training need และบันทึกการฝึกอบรมครบ แต่พนักงานทำงานไม่มีประสิทธิผลก็เท่านั้น เนื่องจากองค์กรในประเทศไทยส่วนใหญ่จะทำระบบแบบผักชีโรยหน้า คือพอจะ Audit ที ก็ทำหลักฐานขึ้นมาที
ซึ่งตอนผมทำ Internal audit ผมจะใช้วิธีการสัมภาษณ์ / สังเกตการทำงานของพนักงาน / ตรวจ Out put ของพนักงาน มากกว่าครับ เช่นบางทีแอบเอา Defect ไปปล่อยใน Line ปกติ แล้วสังเกตว่าพนักงานที่ทำหน้าที่ Inspection จะจับความผิดปกติได้หรือไม่, เรียกพนักงานที่ฝ่ายฝึกอบรมบันทึกว่าได้ทำการการฝึกอบรม และสอบ "ผ่าน" เรื่อง Golden nose มาสัมภาษณ์แล้วนำตัวอย่าง Defect เช่น Product ที่มีกลิ่นผิดปกติกับของดีรวมๆกัน แล้วให้ดมว่าสามารถจับความผิดปกติได้หรือไม่ จุดประสงค์ของผมคือต้องการพิสูจน์ว่าการฝึกอบรมครั้งนั้นๆ Ok หรือไม่ เป็นต้น และ Feed back จากการ Audit แบบนี้ค่อนข้างดีนะครับ คือพนักงานจะรู้สึกมีส่วนร่วมและตื่นตัวดีครับ
"ในโลกนี้ไม่มีคนแปลกหน้าสำหรับเรา มีแต่เพื่อนที่เรายังไม่ได้พบกันเท่านั้น"
E-mail suppadej@gmail.com
#3
Posted 27 November 2009 - 11:12 AM
ข้อกำหนดเขาให้กำหนด Competency ครับ ไม่ได้กำหนด Training Need
ดังนั้น เบื้องต้นบอกก่อนว่า ไม่พบ Training Needs คงออก CAR ได้แบบไม่ชอบธรรมนัก
ลองดูเหตุและผลประกอบนะครับ
Competency ในข้อกำหนดเขาบอกว่าอยู่บนฐานของ การศึกษา, ฝึกอบรม, ทักษะ, ประสบการณ์
ใน JD ที่กำหนดคุณสมบัติเบื้องต้น (Job spec) จะเป็นการกำหนดถึง การศึกษา, ทักษะ, ประสบการณ์ เช่น ตำแหน่งช่างซ่อมบำรุง ต้องจบ ปวส.ช่างกล มีทักษะด้านคอมพิวเตอร์ ประสบการทำงาน 2 ปี เป็นต้น
ขาดไปตัวนึงคือ Training ครับ (รวมถึง ทักษะ ที่ต้องสร้างเพิ่ม) นั่นคือ ตามเหตุและผล ต้องมีการกำหนด Training Needs ด้วย (แต่ใน JD บางบริษัทก็มี Training needs ด้วย)
ทีนี้ถามว่า กำหนดในรูปแบบอื่นได้ไหม
ก็อาจเป็น Competency need, Skill map คือบางทีพวกนี้มันไม่ได้ บอกหัวข้อฝึกอบรมโดยตรง แต่ก็บอกกลายๆ ว่า ต้องฝึกอบรม ตามหัวข้อพวกนี้นะ เช่น Competency กำหนดว่า ต้องมีความสามารถในเรื่องของ การใช้คอมพิวเตอร์ โปรแกรม xxx วิธีการต่อมาก็คือ ต้องมีการฝึกอบรม หรือวิธีการอื่นใดที่ตอบสนอง Competency needs นี้
ในมุมมองของผม Competency Needs อาจเขียนเป็นรูปวงกลมวงใหญ่ แบ่งได้ 4 ส่วน คือ การศึกษา, ฝึกอบรม, ทักษะ, ประสบการณ์ (คิดตามนะครับ)
แต่พื้นที่ของแต่ละส่วน จะแปรเปลี่ยนไปตาม ระดับ หรือความสำคัญของพนักงานครับ
เช่น พนักงานระดับล่าง พื้นที่ด้านการศึกษาจะน้อยกว่าระดับอื่น ส่วนพื้นที่ด้านทักษะ และฝึกอบรม จะเยอะ ประสบการณ์จะน้อย
แต่ถ้าเป็นระดับบริหาร พื้นที่ในวงกลม ด้านการศึกษาจะมาก (หรืออาจน้อย) แต่พื้นที่ประสบการณ์จะมาก ส่วนการฝึกอบรมจะไม่มากนัก คือไม่เน้นตรงนี้ ไปเน้นประสบการณ์มากกว่า เป็นต้น
ดังนั้น เลยไม่ค่อยมีใครกำหนด Training Needs ของผู้บริหารระดับสูง แต่เขาก็มีความสามารถ ในตำแหน่งนั้นเพียงพอ
ดังนั้น เบื้องต้นบอกก่อนว่า ไม่พบ Training Needs คงออก CAR ได้แบบไม่ชอบธรรมนัก
ลองดูเหตุและผลประกอบนะครับ
Competency ในข้อกำหนดเขาบอกว่าอยู่บนฐานของ การศึกษา, ฝึกอบรม, ทักษะ, ประสบการณ์
ใน JD ที่กำหนดคุณสมบัติเบื้องต้น (Job spec) จะเป็นการกำหนดถึง การศึกษา, ทักษะ, ประสบการณ์ เช่น ตำแหน่งช่างซ่อมบำรุง ต้องจบ ปวส.ช่างกล มีทักษะด้านคอมพิวเตอร์ ประสบการทำงาน 2 ปี เป็นต้น
ขาดไปตัวนึงคือ Training ครับ (รวมถึง ทักษะ ที่ต้องสร้างเพิ่ม) นั่นคือ ตามเหตุและผล ต้องมีการกำหนด Training Needs ด้วย (แต่ใน JD บางบริษัทก็มี Training needs ด้วย)
ทีนี้ถามว่า กำหนดในรูปแบบอื่นได้ไหม
ก็อาจเป็น Competency need, Skill map คือบางทีพวกนี้มันไม่ได้ บอกหัวข้อฝึกอบรมโดยตรง แต่ก็บอกกลายๆ ว่า ต้องฝึกอบรม ตามหัวข้อพวกนี้นะ เช่น Competency กำหนดว่า ต้องมีความสามารถในเรื่องของ การใช้คอมพิวเตอร์ โปรแกรม xxx วิธีการต่อมาก็คือ ต้องมีการฝึกอบรม หรือวิธีการอื่นใดที่ตอบสนอง Competency needs นี้
ในมุมมองของผม Competency Needs อาจเขียนเป็นรูปวงกลมวงใหญ่ แบ่งได้ 4 ส่วน คือ การศึกษา, ฝึกอบรม, ทักษะ, ประสบการณ์ (คิดตามนะครับ)
แต่พื้นที่ของแต่ละส่วน จะแปรเปลี่ยนไปตาม ระดับ หรือความสำคัญของพนักงานครับ
เช่น พนักงานระดับล่าง พื้นที่ด้านการศึกษาจะน้อยกว่าระดับอื่น ส่วนพื้นที่ด้านทักษะ และฝึกอบรม จะเยอะ ประสบการณ์จะน้อย
แต่ถ้าเป็นระดับบริหาร พื้นที่ในวงกลม ด้านการศึกษาจะมาก (หรืออาจน้อย) แต่พื้นที่ประสบการณ์จะมาก ส่วนการฝึกอบรมจะไม่มากนัก คือไม่เน้นตรงนี้ ไปเน้นประสบการณ์มากกว่า เป็นต้น
ดังนั้น เลยไม่ค่อยมีใครกำหนด Training Needs ของผู้บริหารระดับสูง แต่เขาก็มีความสามารถ ในตำแหน่งนั้นเพียงพอ
#4
Posted 01 December 2009 - 04:08 PM
ขอบคุณมากๆค่ะ
#5
Posted 01 December 2009 - 04:09 PM
ขอบคุณค่ะ
#6
Posted 06 January 2010 - 11:56 AM

#7
Posted 07 January 2010 - 11:19 AM
ขอบคุณค่ะ ได้ความรู้เพิ่มขึ้น
1 user(s) are reading this topic
0 members, 1 guests, 0 anonymous users