Jump to content


ท่านที่สมัครสมาชิกเข้ามาใหม่ กรุณารอให้ Admin ได้ทำการ Validate การเป็นสมาชิก ภายใน 24 ชม.ของวันทำการ ซึ่งระหว่างที่รอ Validation ท่านอาจจะยังไม่สามารถดาวน์โหลดข้อมูลต่างๆ ได้ หากไม่ได้รับความสะดวก กรุณาอีเมลแจ้ง isothainetwork@hotmail.com

Photo

ช่วยไขข้อข้องใจระหว่าง critical กับ non critical


  • This topic is locked This topic is locked
4 replies to this topic

#1 city

city

    Premium Member

  • Power Members
  • PipPipPip
  • 113 posts

Posted 03 December 2009 - 02:49 PM

คือว่า
เมื่อมีการรับข้อร้องเรียนจากลูกค้ามาแล้ว เราก็ต้องดำเนินการพิจารณาแยกออกมาว่าจะให้เป็น critical หรือ non critical
ก็นั่งคุยกับ QC เขาบอกว่าข้อร้องเรียนที่ได้รับมานั้น ก็น่าจะถือว่าเป็น critical ทั้งหมดเลย เพราะว่าเป็นสิ่งที่ลูกค้าไม่ยอมรับ
ถ้ามองแบบนี้แล้วจะแก้ที่เอกสารไปเลยดีมั๊ย โดยไม่ต้องมี ให้พิจารณาว่า critical หรือ non critical

ลักษณะข้อร้องเรียน เป็นสิ่งปนเปื้อนที่เกิดจากเศษพลาสติกของผลิตภัณฑ์เอง และก็เกิดจากกระบวนการผลิต ซึ่งอาจทำการคัดออกไม่หมด
รบกวนหน่อยค่ะ อาจจะงงๆ หน่อยนะค่ะ อธิบายแล้วก็งง กับตัวเอง smiley-signs028.gif

#2 iso_man

iso_man

    Super Hornor Member

  • Super Power Members
  • PipPipPipPipPipPip
  • 5,136 posts
  • Gender:Male

Posted 03 December 2009 - 03:02 PM

QUOTE(city @ Dec 3 2009, 02:49 PM) <{POST_SNAPBACK}>
คือว่า
เมื่อมีการรับข้อร้องเรียนจากลูกค้ามาแล้ว เราก็ต้องดำเนินการพิจารณาแยกออกมาว่าจะให้เป็น critical หรือ non critical
ก็นั่งคุยกับ QC เขาบอกว่าข้อร้องเรียนที่ได้รับมานั้น ก็น่าจะถือว่าเป็น critical ทั้งหมดเลย เพราะว่าเป็นสิ่งที่ลูกค้าไม่ยอมรับ
ถ้ามองแบบนี้แล้วจะแก้ที่เอกสารไปเลยดีมั๊ย โดยไม่ต้องมี ให้พิจารณาว่า critical หรือ non critical

ลักษณะข้อร้องเรียน เป็นสิ่งปนเปื้อนที่เกิดจากเศษพลาสติกของผลิตภัณฑ์เอง และก็เกิดจากกระบวนการผลิต ซึ่งอาจทำการคัดออกไม่หมด
รบกวนหน่อยค่ะ อาจจะงงๆ หน่อยนะค่ะ อธิบายแล้วก็งง กับตัวเอง smiley-signs028.gif



การที่ลูกค้าร้องเรียนเรื่องของผลิตภัณฑ์ ถือว่าเป็น Critical หมดละครับ เพราะไม่ตรงตามข้อกำหนดของลูกค้า ไม่ต้องแยกหรอกครับ แต่มองไปว่าจะ detect ปัญหาดังกล่าวอย่างไรให้หมดไป(ถ้าเป็นไปได้ซึ่งจริงๆควรเป็นเช่นนั้น) หรือ ลดความถี่จำนวนให้น้อยที่สุด และกำหนดเกณฑ์การยอมรับได้ เช่น 1 ppm หรือ 0.1 ppm น่าจะเห็นภาพการ Improve ความเป้นไปได้
การมีความรู้ มาจากการเรียนรู้ และปฏิบัติ หากเรียนอย่างเดียวไม่ปฏิบัีติก็เรียกว่ารุ้ไม่จริง
สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ chatriwat@hotmail.com
Facebook: poppithai
Tel:089-6834451

#3 Suppadej

Suppadej

    Super Hornor Member

  • Super Power Members
  • PipPipPipPipPipPip
  • 1,611 posts
  • Gender:Male

Posted 03 December 2009 - 03:15 PM

ผมขอแชร์ความเห็นต่อจากคุณ Pop ครับ

ผลิตภัณฑ์ที่ลูกค้าร้องเรียนทั้งหมดเราจะเรียกว่า Defect
ดังนั้นเมื่อคุณได้รับ Defect มาจากลูกค้ามาคุณควรจะแยกประเภทของ Defect ดังนี้ (คุณอาจจะทำข้อตกลงการแยกประเภทของ Defect นี้กับลูกค้าก็ได้ หรือคุณอาจใช้เป็นข้อตกลงกับ Supplier ก็ได้)

คุณอาจจะจำแนกประเภทของ Defects เป็น 3 ประเภทคือ

1 Critical Defects ได้แก่ลักษณะที่ผิดปกติมากจนไม่สามารถใช้งานได้ หรือเสี่ยงต่อการเกิดอันตรายหากนำมาใช้งาน หรือผิดต่อข้อกำหนดทางกฎหมาย

2 Major Defects ได้แก่ลักษณะผิดปกติที่เป็นอุปสรรคต่อการใช้งาน หรือทำให้เครื่องจักรบรรจุทำงานได้ช้ากว่าปกติ รวมถึงลักษณะปรากฏที่ต่างจาก Standard อย่างชัดเจน ซึ่งมีผลต่อความพอใจของผู้บริโภค

3 Minor Defects ได้แก่ลักษณะผิดปกติซึ่งไม่เป็นอุปสรรคต่อการใช้งาน เพียงแต่มีผลด้านความสวยงามเล็กน้อยเท่านั้น

หมายเหตุ เราก็ต้องแบ่ง AQL ในการตรวจสอบของแต่ละ Defect ด้วย เพราะแต่ละ Defect มีเกณฑ์ของการยอมรับที่ไม่เท่ากันครับ เช่น ผลิตภัณฑ์ที่ลูกค้าร้องเรียนอาจเป็นแค่ Minor defect แต่เกินเกณฑ์ของ AQL จึงทำให้ลูกค้าร้องเรียนขึ้นมาก็ได้ครับ เป็นต้น
"ในโลกนี้ไม่มีคนแปลกหน้าสำหรับเรา มีแต่เพื่อนที่เรายังไม่ได้พบกันเท่านั้น" E-mail suppadej@gmail.com

#4 iso_man

iso_man

    Super Hornor Member

  • Super Power Members
  • PipPipPipPipPipPip
  • 5,136 posts
  • Gender:Male

Posted 03 December 2009 - 03:33 PM

QUOTE(Suppadej @ Dec 3 2009, 03:15 PM) <{POST_SNAPBACK}>
ผมขอแชร์ความเห็นต่อจากคุณ Pop ครับ

ผลิตภัณฑ์ที่ลูกค้าร้องเรียนทั้งหมดเราจะเรียกว่า Defect
ดังนั้นเมื่อคุณได้รับ Defect มาจากลูกค้ามาคุณควรจะแยกประเภทของ Defect ดังนี้ (คุณอาจจะทำข้อตกลงการแยกประเภทของ Defect นี้กับลูกค้าก็ได้ หรือคุณอาจใช้เป็นข้อตกลงกับ Supplier ก็ได้)

คุณอาจจะจำแนกประเภทของ Defects เป็น 3 ประเภทคือ

1 Critical Defects ได้แก่ลักษณะที่ผิดปกติมากจนไม่สามารถใช้งานได้ หรือเสี่ยงต่อการเกิดอันตรายหากนำมาใช้งาน หรือผิดต่อข้อกำหนดทางกฎหมาย

2 Major Defects ได้แก่ลักษณะผิดปกติที่เป็นอุปสรรคต่อการใช้งาน หรือทำให้เครื่องจักรบรรจุทำงานได้ช้ากว่าปกติ รวมถึงลักษณะปรากฏที่ต่างจาก Standard อย่างชัดเจน ซึ่งมีผลต่อความพอใจของผู้บริโภค

3 Minor Defects ได้แก่ลักษณะผิดปกติซึ่งไม่เป็นอุปสรรคต่อการใช้งาน เพียงแต่มีผลด้านความสวยงามเล็กน้อยเท่านั้น

หมายเหตุ เราก็ต้องแบ่ง AQL ในการตรวจสอบของแต่ละ Defect ด้วย เพราะแต่ละ Defect มีเกณฑ์ของการยอมรับที่ไม่เท่ากันครับ เช่น ผลิตภัณฑ์ที่ลูกค้าร้องเรียนอาจเป็นแค่ Minor defect แต่เกินเกณฑ์ของ AQL จึงทำให้ลูกค้าร้องเรียนขึ้นมาก็ได้ครับ เป็นต้น



เออลืมไปคุณโจ้ทำธุรกิจอาหาร น่าจะมีไอเดียดีๆ ผมเห็นด้วยนะ พอดีของผมมันไม่ขนาดนั้น ขอบคุณครับที่แชร์ความรู้เพิ่มเยี่ยมเลย
การมีความรู้ มาจากการเรียนรู้ และปฏิบัติ หากเรียนอย่างเดียวไม่ปฏิบัีติก็เรียกว่ารุ้ไม่จริง
สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ chatriwat@hotmail.com
Facebook: poppithai
Tel:089-6834451

#5 city

city

    Premium Member

  • Power Members
  • PipPipPip
  • 113 posts

Posted 03 December 2009 - 03:42 PM

ขอบคุณมากๆค่ะ เดี๋ยวจะไปกำหนดกันใหม่ thankyou.gif




1 user(s) are reading this topic

0 members, 1 guests, 0 anonymous users