ท่านที่สมัครสมาชิกเข้ามาใหม่ กรุณารอให้ Admin ได้ทำการ Validate การเป็นสมาชิก ภายใน 24 ชม.ของวันทำการ ซึ่งระหว่างที่รอ Validation ท่านอาจจะยังไม่สามารถดาวน์โหลดข้อมูลต่างๆ ได้ หากไม่ได้รับความสะดวก กรุณาอีเมลแจ้ง isothainetwork@hotmail.com

การทำระบบ ISO 9000 อย่างไรให้บริษัท มีกำไร
#1
Posted 24 September 2008 - 10:47 AM
วันนี้ตอนเช้าผู้บริหาร เรียกทีมผู้ตรวจติดตาม เข้ามาถามว่า เวลาไปตรวจพวกคุณตรวจอะไรบ้าง
เราก็ตอบว่า ตรวจเพื่อดูว่าระบบ คือ ขั้นตอนการปฎิบัติงานที่เราได้วางไว้ มีการทำตามระบบแล้วหรือไม่
ท่านผู้บริหารบอกว่า แล้วมันช่วยให้บริษัท มีกำไร แล้วมันตอบต่อเป้าหมายองค์กรหรือไม่
เพราะเท่ากับว่าเราทำแบบตลอดปีตลอดชาติ 30 ปี ก็ทำอย่างนี้
ทุกวันนี้โลกมันเปลี่ยนไปแล้ว คุณลองไปดูซิ ว่าบริษัทฯ ที่ผลิต โทรศัพท์มือถือ มีวิวัฒนาการอย่างไรบ้าง ต้องปรับปรุงเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา แล้วถ้าเรายังทำงานกันอยู่เหมือนเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
ก็เลยให้ทุกหน่วยงานไปทบทวนขั้นตอนการทำงาน และมีอะไรที่สามารถลดได้ แก้ไขปรับปรุงให้มันดีกว่าเดิม แล้วเวลา Auditor ไปตรวจ ก็ให้รายงานผล 3 เรื่อง ต่อผู้บริหาร คือ
1. ลดขั้นตอนการทำงานได้กี่ขั้น
2. คนที่เราไปตรวจมีทัศนะคติดอย่างไรในการทำงาน ต่อองค์การ
3. แล้วเขาทำตามระบบที่ได้วางไว้หรือไม่
ท่านบอกว่า ในยุคนี้อยุ่ด้วยการแข่งขัน แต่ก่อนที่เราทำกันนั้นมันแค่ พื้นฐาน ที่ใคร ๆ ก็ทำกัน แล้วเราจะทำอย่างไรให้เรา
สามารถที่จะต่อสู้กับคู่แข่งได้
แต่ถ้าเรามามองก็ดีนะ เป็นการเปลี่ยนและพัฒนาให้ดีขึ้น มองว่าเป็น ความคิดเชิงนวัตกรรม
เอามาเล่าให้เพื่อน ๆ ฟัง และขอแชร์ความคิดค่ะ
แล้วจะกลับมาใหม่นะคะ
#2
Posted 24 September 2008 - 10:55 AM
การทำ ISO คือการทำให้องค์กรของคุณดำเนินการอย่างเป็นระบบ และขั้นตอน ซึ่งไม่น่าจะเกี่ยวข้องให้บริษัทของคุณมีกำไรหรือขาดทุน
และในข้อกำหนด ก็ไม่มีข้อไหนระบุไว้ว่าทุกองค์กรต้องมีกำไรเท่าไหร่
แต่ว่า ISO เป็นเครื่องมือที่จะช่วยให้คุณวิเคราะห์และปรับปรุง เพื่อพัฒนาองค์กร
#3
Posted 24 September 2008 - 11:05 AM
ถ้ามองในรูปของโทรศัพท์ มือถือ อย่างที่บอก ว่าเดี๋ยวนี้ ลูกเล่นเยอะมาก ถ้าเป็นบริษัทที่ผลิตก็ต้องปรับปรุง เปลี่ยนแปลง เพื่อให้เป็นที่ต้องการของลูกค้า และถ้าผลิตแต่แบบเดิม รุ่นเดิม ๆ แล้วบริษัทจะอยู่รอดได้อย่างไร และในกระบวนการทำงาน ถ้าเราสามารถที่จะลดขั้นตอนการทำงาน ที่มันไม่จำเป็น ซ้ำซ้อน อุดรูรั่ว เพื่อให้ต้นทุนลดลงไม่ดีกว่าหรือคะ
#4
MR
Posted 24 September 2008 - 11:46 AM
ใช่นะครับ ทั้งสองท่านเลย ผมว่าก็จริงทั้งคู่ ตัวผมเองทำงานด้านนี้มาพอสมควร องค์กรมีระบบแล้วต้องมีศักภาพ ในการสร้างผลกำไรให้อยู่รอดด้วย แต่ทั้งนี้ก็ตั้งอยู่บนพื้นฐานของคุณภาพที่เหมาะสมและสอดคล้องกับข้อกำหนดนะครับ ดังนั้น เมื่อมีระบบแล้วสิ้งที่ได้มาคือฐานข้อมูลอย่างดี ความจริงที่เกิดขึ้น เอาตัวนั้นแหละครับมาวิเคราะห์ หาแนวทางเร่งพัฒนา โดยกลับเข้าสู่ระบบที่มีอยู่ด้วยการ ปรับเอกสารสนับการผลิต วิธีการทำงานใหม่ๆขึ้นมา และให้ Auditor ตรวจติดตาม รวมทั้งเอาสิ่งที่จะพัฒนานั้นไป Set ค่า เป็น KPI ในแต่ละหน่วยงานและให้มีผลกับประสิทธิภาพการทำงานของเขา แค่นี้ก็ได้ทั้งระบบและองค์กรอยู่รอดครับ
quote name='Akiko' date='Sep 24 2008, 11:05 AM' post='662']
เป้าหมายขององค์กร ที่ตั้งไว้เป็นเรื่องของ กำไร และยอดขาย ถ้ามองจากสภาพปัจจุบัน เศรษฐกิจถามว่าดีมั๊ยก็ตอบได้เลยว่าไม่ดี องค์กรก็ต้องมาปรับตัวเองอย่างไรให้องค์กรสามารถที่จะยืนหยัดอยู่ได้ ก็ต้องมาปรับกระบวนการทำงาน ทำงานอย่างไร ให้เร็วขึ้น ทัน่ต่อลูกค้า และสู้กับคู่แข่งขัน บริษัทฯ ของเรามีพนักงานประมาณ 100 กว่าคนเองค่ะ เป็น ธุรกิจ SME ก็ต้องพยายามดิ้นรน เพื่อจะทำให้ตัวเองนั้นอยู่รอดได้ ต้องปรับตัว ปรับความคิด และรวมพลัง ผู้บริหารจะเน้นในเรื่องของการทำกำไร จะลดต้นทุนอย่างไร จะขายอย่างไร จะทำอย่างไรให้องค์กรอยู่รอดค่ะ ถึงบอกว่าเป็นความคิดที่แปลกอีกแบบนึงค่ะ
ถ้ามองในรูปของโทรศัพท์ มือถือ อย่างที่บอก ว่าเดี๋ยวนี้ ลูกเล่นเยอะมาก ถ้าเป็นบริษัทที่ผลิตก็ต้องปรับปรุง เปลี่ยนแปลง เพื่อให้เป็นที่ต้องการของลูกค้า และถ้าผลิตแต่แบบเดิม รุ่นเดิม ๆ แล้วบริษัทจะอยู่รอดได้อย่างไร และในกระบวนการทำงาน ถ้าเราสามารถที่จะลดขั้นตอนการทำงาน ที่มันไม่จำเป็น ซ้ำซ้อน อุดรูรั่ว เพื่อให้ต้นทุนลดลงไม่ดีกว่าหรือคะ
[/quote]
#5
Posted 24 September 2008 - 11:59 AM
ผมก็จะขอตอบว่า "ก็ให้ทำตามข้อกำหนดเหล่านั้นให้ได้อย่างถูกต้องและสมบูรณ์ แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว"
เป็นการตอบแบบกว้างๆ เพื่อให้ท่านอื่นๆ ได้เข้ามาแสดงความคิดเห็นและสอบถามต่อ
เพราะดูท่าแล้ว อาจจะเป็นกระทู้ร้อนมีผู้สนใจที่จะเข้ามาแสดงความคิดเห็นเยอะ
#6
Posted 24 September 2008 - 02:04 PM
แต่ถ้าหากมองในแง่ของระบบ TQM ซึ่งจะเน้นหลัก 3 ประการ คือ การมุ่งเน้นที่ลูกค้า การพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และการมีส่วนร่วมของพนักงานทุกคน ซึ่ง 2 ประเด็นแรกอยู่ในระบบคุณภาพ แต่ประเด็นหลังนี่แหละที่จะช่วยให้องค์กรลดต้นทุนได้ โดยต้องนำกิจกรรมเพิ่มเติมเข้าไปให้พนักงานมีส่วนร่วม (Bottom up Activity) เช่น
- QCC
- KAIZEN&SUGGESTION
โดยมุ่งเน้นในเรื่องของการลด 3 Mu (Muri, Muda,Mura) และ 7 waste โดยเงื่อนไขคุณภาพต้องไม่ด้อยกว่าเดิม ซึ่งล่าสุดผมได้รับเชิญไปเป็นวิทยากรสมทบให้กับทาง ECOT ผู้เข้าร่วมสัมมนามีความเข้าใจและเห็นภาพว่าการลดต้นทุนไม่ใช่ของฝ่ายผลิตเพียงอย่าง
เดียว ลองศึกษาดูครับแล้วจะพบทางสว่าง

สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ chatriwat@hotmail.com
Facebook: poppithai
Tel:089-6834451
#7
Posted 24 September 2008 - 02:45 PM
แต่ก็ยอมรับ เราอาจจะไม่ค่อยเข้าใจระบบอย่างแท้จริง เราก็พึ่งได้รับการรับรองมา แต่ทุกวันนี้ภาวะเศรษฐกิจ ในปัจจุบันน่ากลัวมาก เราก็เลยต้องปรับ และ
อาจต้องศึกษาระบบให้มากกว่านี้ แต่เมื่อผู้บริหารสั่งมาเราก็ต้องทำเพื่อตอบสนองต่อเป้าหมายขององค์กร
#8
iso_man
Posted 24 September 2008 - 03:34 PM
แต่ก็ยอมรับ เราอาจจะไม่ค่อยเข้าใจระบบอย่างแท้จริง เราก็พึ่งได้รับการรับรองมา แต่ทุกวันนี้ภาวะเศรษฐกิจ ในปัจจุบันน่ากลัวมาก เราก็เลยต้องปรับ และ
อาจต้องศึกษาระบบให้มากกว่านี้ แต่เมื่อผู้บริหารสั่งมาเราก็ต้องทำเพื่อตอบสนองต่อเป้าหมายขององค์กร
ถูกต้องแล้วที่เราต้องสนองตอบต่อเป้าหมายขององค์กร แต่อย่างที่ผมแชร์ประสบการณ์ เดิมก็เคยมีปัญหาเหมือนคุณ คือไปควบคุมที่กระบวนการผลิตทำอย่างไรให้ลดต้นทุนให้ได้ไม่ว่า ของเสีย กำลังคน การผลิตให้ทันตามความต้องการของลูกค้า และสินค้ามีคุณภาพ นั่นคือต้นทุนสินค้า แต่อย่าลืมนะครับว่ากำไรมันมาจาก Fix+variabel Cost ซึ่ง Fix cost เรามักจะมองไม่เห็น เช่น ค่าไฟฟ้า ค่าน้ำประปา ค่าจัดการขยะ ค่าส่ง FAX+โทรศัพท์ ค่ากระดาษ พวกนี้ถ้าเราให้ทุกคนในองค์กรช่วยการลดจะได้ผลเร็ว อย่างของผมเฉพาะค่าถ่ายเอกสารลดไปเดือนละประมาณสองหมื่นกว่า ซึ่งมาจากพนักงานเป็นผู้เสนอแนะขอปรับปรุง หรือพนักงานขอยกเลิกแบบฟอร์มที่ใช้ซ้ำซ้อนก็จะทำให้สามารถลดเวลาการทำงานของเขาลดลงไ
ด้ ที่เล่ามานี่สามารถทำได้ง่ายด้วยกิจกรรม KAIZEN ลองศึกษาและนำเรื่องนี้เสนอผู้บริหารดูซิครับ ผมว่าลดได้จริงๆ ลองมาแล้วปีที่แล้วลดกว่า 2 ล้านบาท

#9
Posted 25 September 2008 - 09:48 AM
#10
Posted 25 September 2008 - 12:05 PM
KAIZEN คือข้อเสนอแนะเพื่อให้เกิดพัฒนา ปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง ทั้งด้านการลดต้นทุน การลดเวลาการทำงาน การเพิ่มคุณภาพ การเพิ่มความปลอดภัย หรื การทำให้สภาพแวดล้อมในการทำงาน โดยการปรับปรุงอาจจะไม่ใช่การปรับปรุงทั้งหมดทีเดียวในครั้งเดียว โดยทั้งหมดของข้อเสนอแนะมาจากพนักงานผู้ปฏิบัติงานนั่นเอง โดยจะทำคนเดียวก็ได้ หรือ เป็นกลุ่มก็ได้ ซึ่งต่างจากคิวซีซี และไม่เป็นในเชิงของหลักสถิติมาก
หลักแนวคิดของ KAIZEN คือ
- เลิกในสิ่งที่เป็นการสูญเปล่า เช่น การรอคอย การทำงานซ้ำซ้อน การเคลื่อนไหว การใช้เอกสารสิ้นเปลือง
- ลด มาจากการที่เลิกการทำงานนั้นไม่ได้แต่สามารถลดได้หรือไม่ เช่น เคยมีสำเนาหลายฉบับ เหลือให้น้อยฉบับได้หรือเปล่า
- เปลี่ยน ซึ่งเป็นหลักสุดท้ายที่นำใช้ถ้าเลิกและลดไม่ได้ เช่น การเปลี่ยนการทำงานจากคนเป็นเครื่องจักรได้หรือเปล่า หรือเปลี่ยนวีัตถุดิบที่ใช้ให้ถูกลง หรือ เครดิตยาวขึ้นได้หรือเปล่าเป็นต้น
แต่อย่างไรการลงทุนตามหลักที่สามประการจะต้องไม่สูงจนเกิดไป
องค์กรช่วยได้อย่างไร
- กำหนดเป็นนโยบายให้พนักงานมีส่วนร่วม
- ส่งเสริมประชาสัมพันธ์ ความรู้ให้กับพนักงาน
- ให้มีการนำเสนอคณะผู้บริหารได้เห็นถึงศักยภาพของพนักงาน
- มอบรางวัลให้กับพนักงานที่ทำความดี
- ต้องไม่ปิดกั้นการเสนอความคิดของพนักงานแต่ควรมีคนช่วยปรับแนวคิดที่เสนอให้ใช้งานได
้และดีขึ้น
มีอะไรให้ช่วยก็แจ้งมาได้ที่ chatriwat@gmail.com ยินดีช่วยเพื่อให้อุตสาหกรรมไทยแข่งขันได้กับต่างประเทศ

สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ chatriwat@hotmail.com
Facebook: poppithai
Tel:089-6834451
#11
Posted 25 September 2008 - 01:39 PM
#12
Posted 25 September 2008 - 03:40 PM


#13
Posted 25 September 2008 - 04:05 PM


ที่บริษัทฯ ผมทำระบบ TQM โดยมีระบบ ISO9001&14001&safety (ไม่ขอรับรองเนื่องจากเป็นการสูญเสียต้นทุนเปล่าให้กับซีบี) กิจกรรมที่มีในองค์กรเราเรียกว่า Small Groups Activity
- 5S
- QCC
- KAIZEN&SUGGESTION
แต่ยังขาด TPM เนื่องจากหัวเรือใหญ่วิศวกรรม+Maintenance ไม่นำพา
ซึ่งที่บอกว่านี่ไม่ใช่ว่าทุกกิจกรรมจะสำเร็จลุล่วงดีมาโดยตลอด เนื่องจากเรากำลังขอให้คนร่วมมือ การทำงานกับคนต้องใช้จิตวิทยาสูงมากในการโน้มน้าวชี้ให้เห็น แต่ก็ยังไม่นำพาเท่าที่ควร
ส่วนที่คุณ Akiko บอกว่ากิจกรรมคิวซีซีไม่ประสบผลสำเร็จเท่าที่ควรไม่แปลกหรอกครับ เพราะอะไรที่ญี่ปุ่นทำมักจะตายที่ประเทศไทย และเนื่องจากคิวซีซี เป็นกิจกรรมที่เน้นการเก็บข้อมูลเป็นสถิติซึ่งส่วนมากไม่ค่อยทำกัน ทำกันเป็นกลุ่มซึ่งส่วนมากไม่ค่อยให้ความร่วมมือกัน ต้องพิสูจน์ด้วยข้อเท็จจริงที่เป็นตัวเลข จึงไม่ค่อยไปได้ไกล โดยเฉพาะพนักงานรายวันจะคิดว่าขอทำโอทีดีกว่า หรือ ขอให้เงินขึ้นเยอะๆ แต่ไม่ร่วมกันแก้ปัญหา ดังนั้น
กิจกรรมง่ายที่จะทำให้เขาสามารถปฏิบัติได้น่าจะเป็น KAIZEN ซึ่งใช้หลักแนวคิดตามที่โพสไปแล้ว ลองหาข้อมูลดูครับอาจช่วยได้
สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ chatriwat@hotmail.com
Facebook: poppithai
Tel:089-6834451
#14
Posted 25 September 2008 - 08:46 PM
อีกอย่าง ISO ไม่ใช่ยาวิเศษขององค์กร ที่จะเนรมิตกำไรให้ แต่มันจะคอยสร้างระบบให้เกิดข้อผิดพลาดที่น้อยลง ผลมันจะออกมาเองที่กำไร (ส่วนหนึ่ง)
#15
Posted 26 September 2008 - 01:14 PM
ผมขอกราบเรียนทำความเข้าใจกับทางผู้บริหารทั้งหลายที่ทำ ISO กันนิดหน่อยครับ ว่า ระบบ ISO 9000 นั้น เป็น Internal Standard ว่าด้วย ระบบการบริหารงาน ครับผม อาจกล่าวได้ว่า ทำระบบนี้แล้วประกันว่า ระบบการทำงานต่างๆของบริษัทดีขึ้นกว่าเดิม มีหลักการจัดการที่ชัดเจน ดีกว่าไม่ทำแน่นอน ต่อให้ท่านทำแบบมั่วๆหรือทำพอหลอกต้ม Auditor ผมก็ยังยืนยันว่าดีกว่าไม่ทำแน่นอน แต่ไม่ได้ประกันว่า จะได้กำไรหรือเจ๊ง เพราะฉะนั้นท่านทั้งหลาย โปรดคิดใหม่ในประเด็นนี้ครับ ที่คุณมีความรู้สึกแปลกๆว่าทำ ISO แล้วไม่ได้ผล ส่วนหนึ่งอาจมาจากเป้าประสงค์ที่คุณเข้าใจผิดตั้งแต่แรกก็ได้ครับ
ทีนี้ผมเรียนว่า ISO สมัยใหม่ ได้กล่าวเลยเถิดไปถึงเรื่องการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เรื่องการวัดผล ตลอดจนเรื่องการให้ความสำคัญของความพึงพอใจของลูกค้า ทำให้เราสามารถนำ ISO ไปบูรณาการกับเครื่องมือการบริหารและจัดการต่างๆที่บริษัทพึ่งมือเช่น TQM/TQA/การบรหารเชิงกลยุทธ จับมามองเป็นองค์รวมอย่างฉลาด เรื่องอย่างนี้ถ้าทำไม่เป็น ขอโทษ โครตมั่วเลยครับ แต่ถ้าทำเป็นอย่างฉลาด จัดการทรัพยากรทุกอย่างในระบบอย่างลงตัว การสร้างกิจกรรมด้านบริหารคุณภาพ ISO ก็สามารถสะท้อนผลไปถึงเรื่องกำไรและผลประกอบการณ์ที่ดีของบริษัท ทั้งมิติการบริหารต้นทุนและเพิ่มยอดขาย รวมถึงการจัดการความพึงพอใจของบุคคลากรในองค์กร (ซึ่งไม่ค่อยมีคนพูดถึงกันในเรื่อง พูดแต่เรื่องต้องการกำไรอย่างเดียว คนทำช่างมัน อะไรประมาณนั้น)
ผมมีเรื่องราวอย่างนี้กล่าวไว้ในหนังสือ How to be inter-QMR ซึ่งแจกฟรีโดยไม่มีเงื่อนไขที่ http://www.thailandfactory.net ว่างๆ ลองเข้าไปดูครับ
กรณ์ พรประเสริฐภัทรา
#16
Posted 26 September 2008 - 04:37 PM
2 user(s) are reading this topic
0 members, 2 guests, 0 anonymous users