8 replies to this topic

[ปุ๊]

เนื่องจากดิฉันทำงานในหน่วยงานกึ่งราชการ ซึ่งมีภาระกิจหลักขององค์กร คือ การวิจัย พัฒนา และ มีงานบริการ ทางด้านเทคโนโลยี ให้กับบุคคลทั่วไปด้วย
ซึ่งในการจัดทำระบบ ISO9001 นั้น งานวิจัย และ พัฒนา สามารถนำมาจัดทำระบบ ISO ได้หรือ ไม่ ถ้าได้จะระบุการทำงานอย่างไร เนื่องจากการทำวิจัยไม่สามารถระบุรายละเอียดการทำงานที่ Fix เกินไปได้ ขอคำแนะนำด้วยค่ะ

[จอมโจรจอมใจ]

เนื่องจากดิฉันทำงานในหน่วยงานกึ่งราชการ ซึ่งมีภาระกิจหลักขององค์กร คือ การวิจัย พัฒนา และ มีงานบริการ ทางด้านเทคโนโลยี ให้กับบุคคลทั่วไปด้วย
ซึ่งในการจัดทำระบบ ISO9001 นั้น งานวิจัย และ พัฒนา สามารถนำมาจัดทำระบบ ISO ได้หรือ ไม่ ถ้าได้จะระบุการทำงานอย่างไร เนื่องจากการทำวิจัยไม่สามารถระบุรายละเอียดการทำงานที่ Fix เกินไปได้ ขอคำแนะนำด้วยค่ะ

ทุกกิจกรรมในโลกนี้ สามารถที่จะประยุกต์ใช้ระบบคุณภาพได้ทุกกิจกรรมครับ

แต่ก่อนจะทำระบบฯ ควรจะกำหนดวัตถุประสงค์ให้ชัดเจนลงไปก่อนว่า องค์กรจะทำระบบฯ เพราะอะไร?
บางครั้งการทำระบบฯ อาจไม่ต้องรีบเร่งให้ได้ ใบ cert ภายในเร็ววัน อาจช้าได้แต่ต้องชัวร์ ไม่มั่วนิ่ม หรือ บางทีอาจจะจำเป็นต้อง มีการรับรองโดย certification body ด้วยซ้ำไป หากองค์กรของเราไม่ต้องการใบรับรองฯ ไปใช้เป็นหลักฐานในการค้าขาย

เพียงแต่ 'ผู้นำ' ต้องสร้างระบบการตรวจสอบภายในให้เข้มแข็ง

ตอนนี้ลองศึกษาบทความนี้ดูนะครับ จะทำให้เข้าใจขั้นตอนทั้งหมด ซึ่งในนั้นจะมีแนวทางบอกว่า องค์กรของคุณต้องทำอะไรบ้าง
http://www.isothai.c...e...view&iden=6
โชคดีนะครับ

มีอะไรก็โพสต์ไว้ที่นี่ เดี๋ยวเพื่อนสมาชิกจะมาช่วยกันตอบ รับรองว่าอ่านกันตาแฉะเลยทีเดียว

[ปุ๊]

ก่อนอื่น ขอบคุณนะค่ะ สำหรับคำแนะนำ คือ ว่าเข้าใจขั้นตอนการทำระบบค่ะ แต่ติดอยู่ที่ว่าแล้ว งานวิจัย และ พัฒนา นี่ จะกำหนดขอบเขตการทำระบบอย่างไรไม่ให้ Fix จนเกินไป แนะนำด้วยค่ะ

[จอมโจรจอมใจ]

ก่อนอื่น ขอบคุณนะค่ะ สำหรับคำแนะนำ คือ ว่าเข้าใจขั้นตอนการทำระบบค่ะ แต่ติดอยู่ที่ว่าแล้ว งานวิจัย และ พัฒนา นี่ จะกำหนดขอบเขตการทำระบบอย่างไรไม่ให้ Fix จนเกินไป แนะนำด้วยค่ะ

ความหมายของ การไม่ให้ Fix เกินไปคืออะไรครับ?

ให้การบ้านนิดนึงดีกว่า อันดับแรก เอา กิจกรรมของ องค์กรคุณปุ๊ มาเขียน process maping ตามตัวอย่างข้างล่างนี้นะครับ

input --->process1 ----> output1--->process2--->output --->process n
----> output2--->process3---> output --->process n
----> output3--->process4---> output --->process n

เดี๋ยวมีข้อ 2 3 4 เอาการบ้านข้อแรกก่อน

[จอมโจรจอมใจ]

ความหมายของ การไม่ให้ Fix เกินไปคืออะไรครับ?

ให้การบ้านนิดนึงดีกว่า อันดับแรก เอา กิจกรรมของ องค์กรคุณปุ๊ มาเขียน process maping ตามตัวอย่างข้างล่างนี้นะครับ

input --->process1 ----> output1--->process2--->output --->process n
----> output2--->process3---> output --->process n
----> output3--->process4---> output --->process n

เดี๋ยวมีข้อ 2 3 4 เอาการบ้านข้อแรกก่อน

เบี้ยวไปหน่อย output 2,3 น่ะ เป็น output ของ process 1 นะครับ

[ปุ๊]

รับข้อมูลงานวิจัยทางด้านวิทยาศาสตร์จากหน่วยงานราชการ--------> กลุ่มงานวิจัย และ พัฒนา เทคโนโลยีนิวเคลียร์ รับเรื่อง และ วางแผนการวิจัย ---------> ทำการวิจัย ในห้องปฏิบัติการ และ/หรือ สถานที่ ภายนอก องค์กร เช่น พื้นที่ตามแนวพระราชดำริ พื้นนา เป็นต้น ----> เก็บประมวลผล วิเคราะห์ข้อมูล และสรุปผล ----> แจ้งข้อมูลให้กับหน่วยงานราชการ
หลังแจ้งข้อมูลผลการวิจัยไปแล้ว งานชิ้นนั้นอาจจะกลายเป็นงานบริการ เกิดเป็น ผลิตภัณฑ์ ตัวใหม่ ให้กับประชาชนทั่วไปได้ค่ะ
กระบวนการทำงานก็มีประมาณนี้ล่ะค่ะ
ขอคำแนะนำด้วยล่ะกันนะค่ะ แต่ที่มอง ๆ ไว้ระบบที่เกี่ยวข้อง ก็จะมี ISO9001 หรือ GLP หรือ ISO/IEC17025 เพราะมีห้อง Lab ค่ะ

[จอมโจรจอมใจ]

รับข้อมูลงานวิจัยทางด้านวิทยาศาสตร์จากหน่วยงานราชการ--------> กลุ่มงานวิจัย และ พัฒนา เทคโนโลยีนิวเคลียร์ รับเรื่อง และ วางแผนการวิจัย ---------> ทำการวิจัย ในห้องปฏิบัติการ และ/หรือ สถานที่ ภายนอก องค์กร เช่น พื้นที่ตามแนวพระราชดำริ พื้นนา เป็นต้น ----> เก็บประมวลผล วิเคราะห์ข้อมูล และสรุปผล ----> แจ้งข้อมูลให้กับหน่วยงานราชการ
หลังแจ้งข้อมูลผลการวิจัยไปแล้ว งานชิ้นนั้นอาจจะกลายเป็นงานบริการ เกิดเป็น ผลิตภัณฑ์ ตัวใหม่ ให้กับประชาชนทั่วไปได้ค่ะ
กระบวนการทำงานก็มีประมาณนี้ล่ะค่ะ
ขอคำแนะนำด้วยล่ะกันนะค่ะ แต่ที่มอง ๆ ไว้ระบบที่เกี่ยวข้อง ก็จะมี ISO9001 หรือ GLP หรือ ISO/IEC17025 เพราะมีห้อง Lab ค่ะ

ต่อไป ศึกษาข้อกำหนด และ วิเคราะห์ว่า process ต่างๆ เกี่ยวข้องกับ ข้อกำหนด ใดบ้าง เช่น
1) รับข้อมูลงานวิจัย
1.1 support process (ข้อ 4)
1.2 core process (ข้อ 7) --> ยกเว้น 7.3,7.5.2
1.3 management process (ข้อ 5,6,8)
2) วางแผนการวิจัย
2.1
2.2
2.3

3) ฯลฯ

จากนั้นเขียน procedure ให้ครบถ้วนตามประเด็นที่ข้อกำหนดคุณภาพกำหนดไว้

จะเขียนแยก หรือ เขียนรวมได้ทั้งนั้น ซึ่งกฎเกณฑ์ หรือแนวทางในการปฏิบัติที่กำหนดเป็น procedure (เขียนขึ้นตามหลักการ 5 W 1 H) จะแข็งโป๊ก ยืดหยุ่น หรือ อ่อนหยวบ ขึ้นอยู่กับองค์กร อย่างไรก็ตาม procedure จะต้อง ชัดเจน ปฏิบัติได้ และทำให้ องค์กรบรรลุถึง นโยบาย และวัตถุประสงค์คุณภาพครับ

[นุกูล]

ลองดูน่ะครับว่าพอจะใช่ไหม
อย่างแรกเลย Scop ของระบบคือ ผู้ให้บริการ วิจัย และ ค้นคว้า สำหรับโครงการทั่วไป
Product ไม่มี แต่เป็น Service แทน

ดังนั้น เนื่องจากงานวิจัยค้นคว้า ลักษณะจะเป็นเหมือนงาน Project ก็คือการรับ Order เป็น Job เอามาบริหารจัดการ แล้วก็ส่งงานให้ลูกค้า
พอสมบูรณ์แล้วก็ถือว่า Delivery เรียบร้อยแล้ว ถ้ามสัญญาบริการหลังจากนั้น ลักษณะก็จะเป็นเหมือน after sale service

Core Process หลักๆน่าจะประมาณนี้ใช่ไหมครับ ดังนั้นในการระบุขั้นตอนปฏิบัติงานเพื่อไม่ให้ Fix จนเกินไป ก็ลองเขียน Procedure เป็น
ลักษณะเหมือน project management ก้ได้ครับ ระบุขั้นตอนหลักๆไว้ ส่วน detail ก็ไปอ้างอิงแต่ละ order เอาแทน (อ้างอิงแต่ละ Project)

ลองศึกษา Concept นี้จากเรื่อง APQP ดูครับ เป็นเครื่องมือในการวางแผนการบริหารจัดการโครงการ ที่อุตสาหกรรมยานยนต์เขานิยมใช้
เริ่มตั้งแต่ การรับความต้องการจากลูกค้า --> ทบทวนความสามารถว่าทำได้ไหม --> ทดลองออกแบบ --> ทวนสอบผล --> ยืนยันผล
--> ออกแบบกระบวนการ ขั้นตอนการผลิต/บริการ --> ลงมือผลิต ดำเนินการ --> ทวนสอบผลของ Product / Service --> ยืนยันผล
---> ส่งมอบ Product / Service ให้ลุกค้าอนุมัติ --> แก้ไข ปรับปรุง บริการ (after sale service)

ผมมองๆดูแล้วน่าจะนำหลักการมาประยุกต์ใช้ได้ครับ ถึงแม้งานวิจัยพัฒนาจะไม่เหมือนกันทุกงาน แต่หลักการทวนสอบ ยืนยัน ก็จะมองย้อนกลับไปที่
ความต้องการของลูกค้าหรือหน่วยงานราชการที่ให้ข้อมูล (Requirement) มา เราก็ดูว่าเราสามารถ Serve ได้ตามที่เขาเหล่านั้นต้องการไหม

ลองดูครับ ผมก็ไม่เคยทำงานราชการและงานลักษณะนี้มาก่อน มองไม่ค่อยออกครับ
มีอะไรก็มาคุยกันต่อครับ สู้ๆ

[ปุ๊]

ขอบคุณมากค่ะคุณ นุกุล ไม่ผิดหวังจริง ๆ มีคนเก่ง ๆ อย่างคุณนุกุลอยู่ในชมรม ISO