14 replies to this topic

[lek_nea]

รบกวนท่านผู้รู้ช่วยอธิบายความหมายและยกตัวอย่างประกอบของคำว่า Review Verification และ validation ตามข้อกำหนด 7.3.1 ให้ด้วยครับ

[puy]

ในข้อกำหนดเวอร์ชั่นใหม่ ขยายความไว้ประมาณนี้
Review คือ การทบทวน input ที่นำมาใช้ในการ Design
Verification คือ การทวนสอบหรือการทบทวนผลของ input เปรียบเทียบกับ output (Drawing)
Validation คือ การทดสอบ เช่น ทดสอบการใช้งาน หรือ ทดสอบในห้อง Lab เป็นต้น
ซึ่งบันทึกในการทบทวนจะบันทึกไว้แยกกันหรือรวมกันก็ได้ไม่ผิด

[DooK]

แชร์เพิ่มเติมครับ

ผมยกตัวอย่างจากงานที่เคยทำจริงเลยละกันนะครับ คือในโครงการหนึ่งๆ ที่เค้าตั้งขึ้นมาเนี่ย เค้าจะตั้งเป็นระยะเวลา เป็น gant chart มาเลยครับ ว่าจะทำการ review, verified และ validate กันช่วงไหน (ข้อนี้จะสอดคล้องกับ 7.3.1 ครับ) ซึ่งแต่ละกิจกรรมจะมีรายละเอียดคือ

1. Design review: คือการ "ทบทวน" ว่าโครงการคืบหน้าไปถึงขั้นไหนแล้ว มีอุปสรรคปัญหาอะไรหรือไม่ ต้องการ resource อะไรสนับสนุนหรือไม่ โดยให้แผนกต่างๆ ที่เกี่ยวข้องมานั่งคุยกัน
2. Design verification คือการ "ทวนสอบ" ว่า output ของโครงการแต่ละเฟสนั้นถูกต้องตาม specification หรือข้อกำหนดของลูกค้าที่ให้มาหรือไม่
3. Design validation สำหรับงานที่ผมเคยทำจะมีอยู่สองกรณีครับ คือ
3.1 validation โดยใช้โปรแกรม simulation ว่า output หรือ product ที่ออกมานั้นได้ตามที่ลูกค้าต้องการหรือไม่ เช่นลูกค้าต้องการ PET ที่ 8000 T/Day ถ้าเรา design โรงงานแบบนี้แล้วจะได้ตามที่ลูกค้าต้องการหรือไม่
3.2 validation โดยการทดสองผลิตจริง หรือที่เรียกว่า pilot ซึ่งกระบวนการนี้จะเรียกว่าการทำ commissioning นะครับ
ซึ่งแน่นอนว่าทั้ง 3.1 และ 3.2 นั้นต้องเสร็จก่อนที่จะส่งมอบโรงงาน

พอจะมองภาพออกมั้ยครับ

ซึ่งการ design เนี่ย ถ้าเป็นโรงงานที่ทำชิ้นส่วนรถยนต์ ผมว่าคงไม่งงนัก เพราะจะมี tool สำเร็จรูปที่เรียกว่า APQP อยู่แล้ว ส่วนใหญ่เดินตามนั้นก็ครบถ้วนตามสามข้อนี้แล้วครับ

[tik815]

อืม....แจ่ม ขอบคุณทุกท่านค่ะ

[Tuk]

Review คือการทบทวนผล
Verification คือการทวนสอบผลว่าเป็นไปตามที่กำหนดไว้หรือไม่
Validation คือการยืนยันผล(หรืออาจใช้ว่าทดสอบเพื่อยืนยันผล)

[Mr.Ahero]

รบกวนท่านผู้รู้ช่วยอธิบายความหมายและยกตัวอย่างประกอบของคำว่า Review Verification และ validation ตามข้อกำหนด 7.3.1 ให้ด้วยครับ

ขอเพิ่มเติมนะครับ ลองมาฟังคำอธิบาย ง่ายนะครับ ดังนี้ จะมีคำ 3 คำที่เกี่ยวข้องสัมพันธ์กันอยู่ครับ ได้แก่

1) Review แปลเป็น ไทย = ททบวน = ไทย เป็น ไทย คือ พิจารณาตรวจทานอย่างละเอียด
2) Verify (Verfification) แปลเป็นไทยให้ งงๆ = ทวนสอบ
3) Validate (Validation) แปลเป็นไทยให้ งงๆ = ทดสอบเพื่อรับรองผล แล้ว คืออะไรกัน น้า เดี๋ยวแค่ดูกันต่อ ด้านล่าง
ซึ่งทั้ง 3 คำนี้ เราจะพบเห็นใน ข้อกำหนดที่ 7.3 Design & Development ของ ทั้ง 9001:2008 และ ISO/TS16949:2009
แต่ที่แตกต่างคือ สำหรับ ISO9001:2008 นั้น ส่วนใหญ่จะได้คุ้นเคยและประยุกต์ใช้ เฉพาะ องค์กร/บริษัท ที่เป็นรูปแบบงานบริการ และ ที่มีการออกแบบผลิตภัณฑ์ เท่านั้นนะ สำหรับรูปแบบอื่น จะนิยมละเว้นข้อกำหนดนี้ครับ (แต่บางครั้งสำหรับองค์กรที่รับจ้างผลิตแม่พิมพ์ ก็อาจต้องReview, Verify และ Validate ด้วยนะ เพราะออกแบบและผลิตแม่พิมพ์เอง นี่นา)
แต่สำหรับ องค์กรที่ขอการรับรอง ISO/TS16949 ถึงแม้จะไม่ได้รับผิดชอบในการออกแบบผลิตภัณฑ์ Product Design (ส่วนใหญ่ใน Thailand จะเป็นอย่างนั้น) ส่วนใหญ่จะเป็นฐานการผลิต Manufacturing อย่างเดียว แต่ข้อกำหนดของ Automotive นี้ กลับมีข้อกำหนดย่อย ที่บังคับให้ ต้องมีการออกแบบและพัฒนากระบวนการผลิตด้วย ดังนั้น เราจำเป็นต้อง Review, Verify, Validate สำหรับ Manufacturing Process Design ด้วยนะ (ไม่เกี่ยวกับ Product Design นะครับ)
OKey ต่อไป ไปกับผม ช้าๆ นะ ทีละข้อ
*7.3 Design & Developmet การออกแบบ และพัฒนา
7.3.1 การวางแผนออกแบบและพัฒนา ดูภาษาอังกฤษ เอาเองนะครับ ขออนุญาตไม่ พิมพ์
ข้อกำหนดนี้ ต้องการให้เรา วางแผนเกี่ยวกับการออกแบบ และพัฒนาผลิตภัณฑ์ สำหรับ ISO9001:2008 ไม่ต้องคิดมากเลยครับ ก็คือ คุณมีขั้นตอนการออกแบบผลิตภัณฑ์อย่างไร ก็เขียนเป็นแผน อาจจะเป็นในรูปแบบ Gantt Chart ก็ได้ กำหนดขั้นตอน 1 2 3 4 5ว่าทำกิจกรรมอะไร ใครรับผิดชอบ เสร็จเมื่อไหร่ ติดตามผล Update/follow up แต่ละกิจกรรมให้เป็นไปตามแผน ที่สำคัญ ในแผนนั้น ต้องระบุให้ครอบคลุม/มีกิจกรรม หรือช่วงเวลาที่จะดำเนินการสำหรับ ด้วย review, verification and validation อยากเพิ่งท้อนะ ค่อยๆ ทำความเข้าใจต่อไป (ถ้านึกไม่ออก ก็คิดถึงว่า ถ้าเราจะทำกิจกรรมอะไร สักอย่างหนึ่ง ต้องวางแผนก่อน นั้น แหละครับ แต่กรณีนี้ ให้ ติ๊กแต่ง ว่า ฉันกำลังจะออกแบบผลิตภัณฑ์สักอย่างหนึ่งนะครับ ต้องทำกิจกรรมอะไรได้ จึงจะได้ Drawing ออกมา อย่างสมบูรณ์ที่สุด แต่อยากลืมกิจกรรม Review, verification and validation ด้วย ข้อกำหนดระบุ)
แต่สำหรับชาว ISO/TS นึกไม่ออก ให้นึกถึงแผน New Project หรือ APQP นั้นแหล่ะครับ ถ้าสังเกตจาก Format ของลูกค้าทุกราย จะมีกิจกรรม verification and validation อยู่แล้ว ไม่ว่าจะ เป็น GM, AAT, MMth, HATC, etc. ดังนั้น ชาว TS จะได้เปรียบเพราะ APQP อย่างเดียวตอบได้ทั้งข้อกำหนดที่ 7.1 และ 7.3 ไปในตัวเลย
**ชาว TS อย่างลืม 7.3.1.1 ด้วยนะครับ
*******************************************************
*ต่อไปขอกระโดด ข้ามมาข้อ 7.3.4 Design and development review การทบทวนการออกแบบและพัฒนา เพื่อให้เข้าใจมากขึ้น นะครับ สำหรับข้อกำหนดนี้ ต้องการให้เรานำแผนการออกแบบและพัฒนา ตามข้อ 7.3.1 มาทบทวน /พิจารณาอย่างละเอียดว่าติดปัญหาอะไร หรือไม่ ถ้าติดปัญหา แล้วมีความเสี่ยงที่จะทำให้ ไม่สามารถดำเนินการตามแผนงานได้ หรือกระทบต่อระยะเวลาในการดำเนินโครงการ เราจะแก้ไขอย่างไร โดยส่วนใหญ่ก็คือ การ Meeting เพื่อติดตามแผนงานที่วางไว้ โดยทีมงาน New Model หรือ APQP TEAM นั่นแหละครับ แต่บันทึกการประชุมให้เก็บไว้ให้ CB ตรวจด้วยนะครับ
สำหรับชาว TS ให้ดู 7.3.4.1 ดีๆ เอาหัวข้อต่างๆ ไปรายงานใน Mamagement Review 5.6.1 ด้วยนะครับ ข้อกำหนด เค้าแอบอยู่
******************************************************
เป็นไง บ้างครับ OKey ไปต่อ ดีกว่า
ย้อนกลับมา ข้อ 7.3.2 Design and development inputs ข้อมูลป้อนเข้าสำหรับการออกแบบ และพัฒนา เดี๋ยวต่อฉบับหน้านะครับ งานเข้าครับ

เป็นไง บ้างครับ OKey ไปต่อ ดีกว่า (ภาคต่อ ฉบับ2)
ย้อนกลับมา ข้อ 7.3.2 Design and development inputs ข้อมูลป้อนเข้าสำหรับการออกแบบ และพัฒนา ข้อกำหนดนี้ ต้องการให้เราจัดเตรียมข้อมูลป้อนเข้า ก่อนที่จะดำเนินการจัดทำกิจกรรม Design and Development โดย เตรียมข้อมูลขั้นต่ำตาม ข้อ 7.3.2 สำหรับชาว ISO9001 นะครับ และที่สำคัญนะครับ จะต้อง Review ข้อมูลป้อนเข้า ก่อนเสมอว่าถูกต้อง ชัดเจน สมบูรณ์ หรือไม่ (อยาก สับสนนะครับ เนื่องจาก การ Review นี้ คือ Input review นะครับ ไม่ใช่ ข้อ 7.3.4 ที่เป็น Design & Develop ment Review คนละประเด็น กันนะครับ)
พูดง่ายๆ ก่อนเราจะนำข้อมูลต่างๆ เข้ามา ทำกิจกรรม Design & Development เราก็ต้องทบทวนกันเสมอ เพราะถ้าข้อมูลป้อนเข้าต่างๆ ไม่สมบูรณ์ Out put ที่ได้ ก็มีอย่างผิดเพี้ยนไปแน่ครับ เดี๋ยวจะเสียเวลาเปล่า
เอาล่ะ สำหรับชาว TS มีข้อกำหนด เพิ่มเติม คือ 7.3.2.1 Product design input และ 7.3.2.2 Manufacturing process design input ต้องเตรียมให้ครบนะครับ เป็นอย่างต่ำ (P.S. ถ้าองค์กรไม่มี กิจกรรม Product design ก็ละเว้น 7.3.2.1 เลยนะครับ ให้เป็นหน้าที่ ของ Remote Location ไป แต่ห้ามละเว้นข้อ 7.3.2.2 นะครับ)
Important Note โปรดจดจำข้อกำหนด เกี่ยวกับข้อมูลป้อนเข้าไว้ดีๆ นะครับ เดี๋ยว สุดท้ายจะ เชื่อมโยงไปหา คำว่า "Verify" ต่อไป
********************************************************************************
****
ต่อมา 7.3.3 ครับ ชาว9001 เมื่อดำเนินกิจกรรมการออกแบบและพัฒนาเสร็จแล้ว ต้องได้ข้อมูลที่สอดคล้องกับข้อกำหนดนี้ นะ เช่น Drawing etc.

สำหรับชาว TS ระบุไว้อย่างชัดเจน เลยว่า Out put (7.3.3.1 & 7.3.3.2) ต้องมีอะไรบ้าง เอาให้ครบนะ (ก็ อย่างที่ทราบ ชื่อก็บอก TS = Technical specification ระบุเฉพาะทาง Automotive ไปเลย)

ตามมาเรื่อยๆ นะครับ ใกล้ถึง 7.3.5 Design and development verification ข้อที่เป็นประเด็นกันแล้ว เมื่อจบทั้งหมด ผมจะยกตัวอย่างให้ชาว ISO เข้าใจ กันอีกครั้งหนึ่ง ทั้งหมด วันนี้ พอก่อนนะครับ พรุ่งนี้ ค่อยต่อครับ ขอบพระคุณครับ ที่ติดตาม หวังว่าคงเป็น Guide line ให้กับผู้ที่เริ่มจะทำความเข้ากับ 7.3 นะครับ สำหรับผู้ที่ทราบแล้ว ก็ขอให้ ถือว่า Share ประสบการณ์แล้วกัน ครับ (อดีต Consult Mr.A_Hero)

[Mr.Ahero]

Okey, วันนี้เรามาต่อ ข้อ 7.3.5 Design and development verification การทวนสอบ การออกแบบ และ พัฒนา ครับ
ข้อกำหนดนี้ไม่มีข้อกำหนดย่อย สำหรับ ชาว TS แต่ต้องดำเนินการมากกว่าชาว 9001 อยู่แล้วครับ
สรุปนะครับ 1) ข้อกำหนดนี้ต้องการให้เรา ดำเนินกิจกรรมที่เรา เรียกว่า Verification (ทวนสอบ) ให้ตรงกับกำหนดการแผนควบคุมโครงการใหม่ ที่เราได้วางไว้ ในรูปแบบต่างๆ เช่น (APQP Plan, Production preparation Plan, QAV Plan, etc.)
2) อธิบายว่า การทวนสอบคือการเอา Design Output ที่ได้มาเปรียบกับ Design Input ทุกตัวครับ และ Out put ทุกตัว ต้อง สอดคล้องกับ Input ด้วย นั้นหมายความสั้นๆว่า คำว่า "Verify" คือการเอา Output มาเทียบกับ Input นั้นเอง
สรุปคือ เราต้องเอา ข้อมูลในข้อกำหนด ที่ 7.3.3 มาเทียบกับ ข้อ 7.3.2 นั้นเอง (Output/Input)

มาถึงตรงนี้ เมื่อเราทราบถึง ความหมายของคำว่า "Verify" แล้ว ก็มาถึงการยกตัวอย่างของกิจกรรม Verify กันบางแล้ว
****สำหรับชาว ISO9001 ท่านได้กำหนด Desing Input อะไรบ้าง ในขั้นตอนก่อน ที่ท่านจะออกแบบ ผลิตภัณฑ์ หรือบริการ สำหรับ ISO9001 จะเน้นเฉพาะ การออกแบบ และพัฒนาผลิตภัณฑ์นะครับ เน้น เฉพาะ ผลิตภัณฑ์ นะครับ (กล่าวคือ ท่านต้องมีข้อมูลอะไรบ้าง ท่านถึงจะออกแบบ/กำหนด Spec ของผลิตภัณฑ์ได้ ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับ แต่ละองค์กร นะครับ)
สมมุติว่า เช่น ก่อนที่ท่านจะเขียนแบบ ผลิตภัณฑ์/ชิ้นส่วน ซักชิ้น เช่น แอร์/เครื่องปรับอากาศ สิ่งที่ท่านต้องรู้ อาจจะได้แก่ 1) ขนาด โดยรอบที่ ลูกค้า ต้องการ (อาจจะเป็นข้อมูลทางด้านการวิจัย การตลาด จาก Marketing ท่าน หรือมาจาก ทษฎี ของ House of Quality ที่รวบรวมข้อมูลของการ Bechmarking (การเปรียบเทียบคู่แข่ง)
2) ขนาด/ชนิดของ ไฟฟ้า ของประเทศที่เรา จะขาย เช่น 110V, 220V เป็นต้น
3) กฎหมายที่เกี่ยวของกับ ผลิตภัณฑ์ ของแต่ละปะเทศที่เราจะส่งออก หรือขาย เช่น ชนิดของสาร/น้ำยาที่ให้ความเย็น, มอก เป็นต้น
4) คำนึงถึง ความสามารถ/เป็นไปได้ในการผลิต หรือ ซ่อมบำรุง รวมถึงการติดตั้ง ประวัติงานเคลมจากรุ่นก่อนหน้า เพื่อนำมาพัฒนาสำหรับรุ่นใหม่นี้ ถ้ามี และ มากมาย จริงๆ ครับ นี้ แค่ตัวอย่าง ดังนั้น ฝ่าน ออกแบบ และพัฒนาผลิตภัณฑ์ ถึงเป็น แผนกที่คุม Know How และองค์ ความรู้ทางด้านวิศวกรรม ไว้ เยอะมาก (และ นี่ก็อาจเป็นเหตูผลหนึ่งที่ทาง Japan ไม่ค่อยถ่ายทอดเทคโนโลยี และองค์ความรู้สำหรับการออกแบบผลิตภัณฑ์ R&D บางอย่างมาให้ในเมื่องไทยเราครับ เช่น รถยนต์, โลหะวิทยา etc.) ไม่งั้นมีหวัง บ้านเราผลิตรถยนต์ได้แน่ครับ เพราะทุกวันนี้ ก็ผลิตได้เกือบทั้งคันแล้ว ยังเหลือแต่ เครื่องยนต์ที่เรามีแปรรูปด้วยเครื่องจักร อย่างเดียว แต่ไม่ทราบเหตูผลว่า ทำไมต้องใช้ วัสดุนี้ และทำไมต้องออกแบบมาเป็นอย่างนี้ หรือ Spec. นี้ เรารับจ้าง ประกอบอย่างเดียว ครับเจ้านาย
จากนั้น เมื่อเรานำ Input ต่างๆ มาผ่านขั้นตอนการออกแบบแล้ว เราอาจจะได้ Out put มา เช่น Dwg. แบบแปลน แล้วเราก็ต้องดำเนินการ Verify โดยการเทียบ Output หรือข้อมูลที่เรากำหนดใน DWG ว่า เป็นไปตาม Input แต่ละข้อมูล ทีละตัวครับ แต่ในแง่มุมของ ISO9001 เบื้องต้น เราอาจจะยังไม่ได้ทดลองผลิตชิ้นงานต้นแบบ ก็ได้ ในปัจุจบัน อาจจะ Verify โดย การคำนวณ หรือ Verify ในกระดาษ หรือถ้าทันสมัย อาจใช้ Software ในการ Simulation ก่อน เช่น CAE (Computer Aid engineering) ซึ่ง ปัจจุบัน ก็จะมีมาใช้กับ CAD (Computer Aid Design) ซึ่งถือว่าเป็นการประหยัดต้นทุนในการออกแบบได้มากมายเลยครับ แต่ก็ไม่จำกัดนะครับ ความเพียงพอ ขึ้นอยู่กับชนิด ประเภท ของ ผลิตภัณฑ์ครับผม

สุดท้าย ผลของการ Verification ต้องจัดเก็บเป็นบันทึกที่จำเป็นครับ


**** ต่อมาสำหรับชาว TS เขากำหนด Input กับ Out put ไว้มาให้อย่างชัดเจน แถมยังแบ่ง ให้เป็น 2 แนวทางให้เราด้วยอย่างชัดเจนครับ ทั้ง Input (7.3.2.1)และ Output (7.3.2.2) สำหรับ การออกแบบฯผลิตภัณฑ์ และ Input 7.3.3.1 และ Output 7.3.3.2 สำหรับการออกแบบฯกระบวนการผลิต
แล้วท่านต้องนำ Output เทียบ Input ทุกข้อให้ครบ เก็บผล Verificationไว้
ต่อไป ผมขอยกตัวอย่าง การดำเนินกิจกรรมในขั้นตอน การ Verify สำหรับ Manufacturing Process Design บ้างข้อนะครับ

7.3.2.2 Manufacturing process design input
⎯ product design output data,
⎯ customers requirements, if any, and

7.3.3.2 Manufacturing process design output
⎯ specifications and drawings,
⎯ manufacturing process FMEAs,
⎯ control plan (see 7.5.1.1),
⎯ work instructions,
⎯ process approval acceptance criteria,

เอา ข้อ 7.3.3.2 ตั้ง แล้วเทียบโดย 7.3.2.2 เช่น
1) เอา manufacturing process FMEAs มาเทียบกับ product design output data เช่น DFEMA
2) เอา ⎯ manufacturing process FMEAs,⎯ control plan (see 7.5.1.1),⎯ work instructions, ในเรื่องของสัญลักษณ์ของจุด SC ที่ต้องระบุในเอกสารดังกล่าว เทียบกับ customers requirements, if any, ว่าเป็นไปตาม Manual ของลูกค้า หรือไม่ เป็นต้นครับ
ปล Verify ให้ครับ เป็นขั้นต่ำ นะครับ (Output เทียบ Input)

ฉบับนี้ แค่นี้ก่อนนะครับ เดี๋ยวต่อ 7.3.6 Design Validation ฉบับหน้าครับ พี่น้อง

A_Hero

[Mr.Ahero]

รบกวนท่านผู้รู้ช่วยอธิบายความหมายและยกตัวอย่างประกอบของคำว่า Review Verification และ validation ตามข้อกำหนด 7.3.1 ให้ด้วยครับ

To be continual on tomorrow,

[Mr.Ahero]

To be continual on tomorrow,

วันนี้ มาต่อกัน ที่ 7.3.6 Design and development validation การทดสอบเพื่อรับรองผล
ก่อนหน้านี้ (โปรดย้อนกลับไปดูการตอบกระทู้ ก่อนหน้า โดยผม นะครับ) เรากล่าวถึง Verification ซึ่ง หมายถึง การ การนำ Output มาเทียบกันกับ Input
แต่สำหรับข้อนี้คือ Validation กล่าวง่ายๆ คือ เอาผลขั้นสุดท้าย Final Output มาเทียบกับ เป้าประสงค์ หรือวัตถุประสงค์ของการใช้งานของผลิตภัณฑ์นั้นๆ ครับ โดยส่วนใหญ่ เราจะต้องมีการทดลองผลิตผลิตภัณฑ์ตัวอย่างขึ้นมาแล้วจริงๆ
เช่น
- การนำชิ้นงานตัวอย่าง (Sample product) ไปทดสอบเทียบกับ หัวข้อการทดสอบต่างๆ เช่น Performance testing, Durability Testing, Reliabilty Testing, ซึ่งหัวข้อต่างๆ เหล่านี้ ล้วนแล้วแต่จำลอง และกำหนด มาจากสถานะการณ์การใช้งานจริง แต่อย่างไรก็ตามแต่ ถึงแม้ผลการทดสอบต่างๆ จะผ่านเกณฑ์ ตามมาตรฐาน ก็ต้องเฝ้าติดตาม งานเคลมจากท้องตลาด เพื่อนำมาปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง เสมอๆ ครับ ดังที่ต้องมีการควบคุมการเปลี่ยนแปลง ตามข้อ 7.3.7 ครับ ซึ่งจะเป็นวัฎจักรของผลิตภัณฑ์ Product life cycle ซึ่งจะเป็นจุดเชื่อมโยงระหว่าง APQP กับวิชาในส่วนบริหารของ IE ด้วย เช่นกัน
ปล การเชื่อมโยงในองค์ความรู้ต่างๆ ได้ ถ้าสามารถประยุกต์ และเชื่อมโยงได้หลายๆแขนง จะเป็นประโยชน์ไม่น้อย ในการเรียนรู้ สิ่งที่เราสนใจ และถ้า เรายิ่งเข้าใจมันมากขึ้น ที่ละน้อย แต่ เรื่อยๆ เราจะมีความภูมิใจ ไม่ใช่ เพียงแค่ วิชาการในแขนง ISO แต่จงนำ ISO มาป็นแกนกลางในการเรียนรู้ และ หาความรู้ในเชิงลึกของแต่ละหัวข้อ เข้ามาเสริมเรื่อยๆ และอยากลืมที่จะแบ่งปันความรู้ต่างๆ เพื่อพัฒนาประเทศนี้ ด้วยกัน นะครับ พี่น้อง (A_Hero IE 40441N)
สุดท้าย ติดปัญหา ลองส่ง e-mail มา Dicussion กัน ได้ที่ boonchanasak.inspire@gmail.com ยินครับ

[Mr.Ahero]

วันนี้ มาต่อกัน ที่ 7.3.6 Design and development validation การทดสอบเพื่อรับรองผล
ก่อนหน้านี้ (โปรดย้อนกลับไปดูการตอบกระทู้ ก่อนหน้า โดยผม นะครับ) เรากล่าวถึง Verification ซึ่ง หมายถึง การ การนำ Output มาเทียบกันกับ Input
แต่สำหรับข้อนี้คือ Validation กล่าวง่ายๆ คือ เอาผลขั้นสุดท้าย Final Output มาเทียบกับ เป้าประสงค์ หรือวัตถุประสงค์ของการใช้งานของผลิตภัณฑ์นั้นๆ ครับ โดยส่วนใหญ่ เราจะต้องมีการทดลองผลิตผลิตภัณฑ์ตัวอย่างขึ้นมาแล้วจริงๆ
เช่น
- การนำชิ้นงานตัวอย่าง (Sample product) ไปทดสอบเทียบกับ หัวข้อการทดสอบต่างๆ เช่น Performance testing, Durability Testing, Reliabilty Testing, ซึ่งหัวข้อต่างๆ เหล่านี้ ล้วนแล้วแต่จำลอง และกำหนด มาจากสถานะการณ์การใช้งานจริง แต่อย่างไรก็ตามแต่ ถึงแม้ผลการทดสอบต่างๆ จะผ่านเกณฑ์ ตามมาตรฐาน ก็ต้องเฝ้าติดตาม งานเคลมจากท้องตลาด เพื่อนำมาปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง เสมอๆ ครับ ดังที่ต้องมีการควบคุมการเปลี่ยนแปลง ตามข้อ 7.3.7 ครับ ซึ่งจะเป็นวัฎจักรของผลิตภัณฑ์ Product life cycle ซึ่งจะเป็นจุดเชื่อมโยงระหว่าง APQP กับวิชาในส่วนบริหารของ IE ด้วย เช่นกัน
ปล การเชื่อมโยงในองค์ความรู้ต่างๆ ได้ ถ้าสามารถประยุกต์ และเชื่อมโยงได้หลายๆแขนง จะเป็นประโยชน์ไม่น้อย ในการเรียนรู้ สิ่งที่เราสนใจ และถ้า เรายิ่งเข้าใจมันมากขึ้น ที่ละน้อย แต่ เรื่อยๆ เราจะมีความภูมิใจ ไม่ใช่ เพียงแค่ วิชาการในแขนง ISO แต่จงนำ ISO มาป็นแกนกลางในการเรียนรู้ และ หาความรู้ในเชิงลึกของแต่ละหัวข้อ เข้ามาเสริมเรื่อยๆ และอยากลืมที่จะแบ่งปันความรู้ต่างๆ เพื่อพัฒนาประเทศนี้ ด้วยกัน นะครับ พี่น้อง (A_Hero IE 40441N)
สุดท้าย ติดปัญหา ลองส่ง e-mail มา Dicussion กัน ได้ที่ boonchanasak.inspire@gmail.com ยินครับ

เดี๋ยวค่อยต่อ 7.3.7 และ 7.1.4 พรุ่งนี้นะครับ พี่น้อง

[zomby]

อ่านแล้วงงดีค่ะ
แต่จะพยายามศึกษา
ขอบคุณคุ่ะ

[Old man]

รบกวนท่านผู้รู้ช่วยอธิบายความหมายและยกตัวอย่างประกอบของคำว่า Review Verification และ validation ตามข้อกำหนด 7.3.1 ให้ด้วยครับ

ลองดูที่นี่่ครับ

7.3 เป็นเรื่องการออกแบบ

Design Review http://www.training....ign-review.html

Design Verify http://www.training....rification.html

Design Valid http://www.training....validation.html

[Mr.Ahero]

อ่านแล้วงงดีค่ะ
แต่จะพยายามศึกษา
ขอบคุณคุ่ะ

ลองค่อยดูประกอบกับ ข้อกำหนดนะครับ ส่วนคนที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับข้อกำหนดนี้ อยากจะงง สู้ๆ นะครับ
เพราะ สำหรับ TS จะ ต่างจาก ISO9001 อยู่ พอสมควร และรายละเอียดมากกว่า
A_HERO

[น้องมีตังค์]

thank u สำหรับข้อมูลค่ะ จะเอาไปสอนน้อง ๆ ค่ะ

[stormriders]

thank you for the good thing